กลิ่นเด่น : Rose,
Jasmine, Peach, Litchi, Musk, Patchouli
ความทน : 8 สเปรย์ ได้ประมาณ 8-12 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
การกระจาย :
กระจายได้ดีช่วงสเปรย์แรก
แต่ถึงจะเว้นไว้สักพักการกระจายก็ไม่ได้ดรอปลงอย่างน่าตกใจ อีกทั้งยังได้กลิ่นตีขึ้นเรื่อยๆ
ถึงจะผ่านไปประมาณ 6 ชั่วโมงแล้ว
เหมาะกับ : ขอจัดให้เป็น Unisex นะคะ
(ซึ่งเป็นความเห็นส่วนตัวมากๆ)
สภาพอากาศ : จากที่เคยใช้สามารถใช้ได้ทั้งร้อนและเย็น แต่อากาศร้อนกลิ่นจะกระจายได้ดีกว่า
เริ่มจากที่ขวดก่อนจ้า
·
เป็นน้ำหอมเกอแลงรุ่นที่ไม่ทิ้งความหรูเลย ทั้งขวดและสีน้ำทำออกมาเป็นสีทองได้พอดี (ขวดจริงสีน้ำจะไม่เข้มเหมือนในรูปนะคะ จะออกเป็นสีส้มอ่อนปนทองๆ)
·
ขวดที่เรามีเป็นขวดขนาด 100 ml. ค่ะ แต่ไม่มีกล่องนะ เป็นขวดทรงหยดน้ำซึ่งตรงฝาเป็นส่วนที่เรียวลงมาและเว้าตรงกลาง ด้านบนฝาเปิดมีสัญลักษณ์แบรนด์ Guerlain และตรงด้านล่างฝาส่วนที่เชื่อมขวดกับฝาเข้าหากันก็ยังทำสัญลักษณ์แบรนด์ไว้ตรงกลางเล็กๆ
(จุดนี้เรามองว่าเป็นการเพิ่มลูกเล่นขวดให้ดูมีกิมมิคมากขึ้นด้วย) เพราะพอกดให้สัญลักษณ์กลมๆ ลงเข้ากับขวดก็จะเป็นการล็อคขวดที่พอดีเลย
·
ฝาทำเป็นสีทองแบบวาวและสะท้อนไฟได้สวยมาก
ตัวขวดทำเป็นขวดใสแต่เป็นน้ำสีส้มทองอ่อนๆ
พอใส่รวมกันแล้วมือในมือมันช่างดูดี๊ ดูดี
มาต่อกันที่น้ำหอม
·
เป็นหนึ่งในน้ำหอมที่โชว์วัตถุดิบทุกตัวได้อย่างโดดเด่นมาก ขอชมก่อนเลย
พอฉีดลงบนผิวปุ๊ปเราได้กลิ่นของกุหลาบกับลิ้นจี่และพีชมาก่อนเลยค่ะ
แต่เป็นกุหลาบที่ออกโทนสดใสเพราะได้กลิ่นผลไม้เข้ามาผสมด้วย ซึ่งก่อนซื้อเราก็กลัวอยู่ว่าจะรอดไหม
(เพราะเราไม่ชอบกลิ่นกุหลาบเป็นการส่วนตัว)
แต่พอดมฟุดฟิดไปสักพักปุ๊ป
อยากจะบอกว่ากลิ่นของดอกมะลิเข้ามาผสมกันและชูกลิ่นขึ้นมาผสมกับกุหลาบได้อย่างเด่นมาก เป็นน้ำหอมที่ถ้าคนชอบแนว White Floral หรือดอกไม้ขาว แต่ยังอยากให้มีความสดใสน่าจะชอบ
·
กลิ่นแนว White Floral ผสมกับกุหลาบและเคล้าด้วยผลไม้โทนสดใสอย่างลิ้นจี่กับพีชยังคงตีขึ้นมาเรื่อยๆ ช่วงแรกๆ กลิ่นจะกระจายดีมาก เราอัดไปทีเดียว 8 สเปรย์ฟุ้งไปเกือบทั้งห้อง
ถ้าใครไม่อยากให้กลิ่นแน่นไปแนะนำว่าให้ลองเบามือก่อนหรืออาจจะฉีดสัก 4-6 สเปรย์ก่อนดีกว่าค่ะ
·
แต่พอผ่านไปสักพักกลิ่น white floral ที่ลดลงมาได้ผสมกับกลิ่นสไตล์ musk และใบแพชชูลี่ กลิ่นช่วงนี้ทำให้เรานึกถึงการผสมกลิ่นตามสไตล์บ้าน
Narcizo
มาก เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นออกโทน musk ตามสไตล์บ้านนั้นมาผสมกับมะลิและกุหลาบที่เด่นเป็นตัวชูโรง ซึ่งกลิ่นช่วงกลางเรายกให้เป็นช่วงที่เราชอบมากที่สุดเลย
คือกลิ่นหรู ละมุน อ่อนหวานแต่มีความน่านัวเนียกำลังพอดี และอย่างที่เราได้กล่าวไปตามข้างต้นว่าถึงกลิ่นนี้จะเคลมมาว่าเป็น
edt
แต่เป็นน้ำหอมที่ติดทนมากสำหรับเราตัวหนึ่งเลย ส่วนตัวเราได้กลิ่นนี้ลากยาวเกิน 8 - 12ชั่วโมง ถึงแม้จะข้ามวันแต่วันที่เราซักผ้าเราก็ยังได้กลิ่นนี้ติดผ้าอยู่
และจำได้ด้วยว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นนี้
ความเห็นส่วนตัวจากผู้เขียนเพิ่มเติม
-
-เป็นน้ำหอมที่ไม่ใช่ Everyday Scent ค่ะ แต่ Guerlain Idylle
Eau Sublime เป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ให้ลุคความหรูหรา
สดใส เปล่งประกาย และถึงแม้จะมีกลิ่นของ musk เข้ามาผสมด้วยก็ยังไม่ทิ้งความเด่นของกลิ่น white floral เลย อีกทั้งยังช่วยทำให้เป็นกลิ่นที่ดีในช่วง
Middle
Notes จนไปถึง Base Notes ด้วยซ้ำ
-ถึงแม้ว่ากลิ่นช่วงแรกจะมีความใกล้เคียงกับน้ำหอมแนว white floral บ้าง (ไม่ได้หมายความว่ากลิ่นเหมือนตัวใดตัวหนึ่งเลยนะคะ แต่เราหมายถึงถ้าน้ำหอมสไตล์ white floral อาจจะมีบางกลิ่นที่ทำใกล้เคียงกับกลิ่นนี้
อาจจะเพราะโน้ตในน้ำหอมใกล้เคียงกันหรืออะไรก็ตาม) แต่ต้องยกว่าเป็นน้ำหอมที่ถึงแม้จะมีกลิ่นใดเข้ามาแทรกก็ยังมีกลิ่นนี้ชัดเจนอยู่ และยังสามารถนำความสดใสของกลิ่นโทนผลไม้หรือกลิ่นนวลๆ
ติดผิวแบบ musk เข้ามาผสมและขับให้ตัวกลิ่นหลักเด่นขึ้นมาอีกด้วย
-ถ้าสำหรับใครที่ชอบน้ำหอมแนว fruity หรือสไตล์ดอกไม้ขาว
เราแนะนำว่าตัวนี้เป็นอีกตัวที่น่าลองเลย
อีกทั้งกลิ่นไม่หวานจนเกินไป
เราเลยคิดว่าผู้ชายก็ใช้กลิ่นนี้ได้อยู่นะ
หมายเหตุ :
-รีวิวนี้ผู้เขียน เขียนจากกลิ่นที่สัมผัสได้
ความรู้สึกส่วนตัว
บางกลิ่นอาจไม่มีในโน้ตน้ำหอม
แต่อาจเกิดจากการผสมกับกลิ่นเคมีในตัวเรา
หรือจมูกเราที่ทำให้ได้กลิ่นอย่างนั้น
เราจึงเขียนออกไปตามที่ได้กลิ่น หรือรู้สึกถึงอย่างนั้น
-รีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โดยผู้เขียนซื้อจริง และใช้จริง เขียนเพื่อเป็นการเล่าประสบการณ์จากการใช้
-สำหรับเราแล้ว
น้ำหอมไม่มีกลิ่นไหนที่เหม็นสำหรับทุกคน และไม่มีกลิ่นไหนที่หอมสำหรับทุกคน
คนเรามีความชอบ การรับรู้ด้านประสาทสัมผัสต่างกัน อยากให้อ่านรีวิวของเราส่วนหนึ่ง
และลองหาโอกาสดมน้ำหอมตัวนั้นประกอบการตัดสินใจผู้อ่านเองอีกทางหนึ่งด้วยนะคะ
เครดิตภาพ :
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น